ในมุมมองของทันตแพทย์ชีวภาพ นอกเหนือจากความแข็งแรงและความสามารถในการยึดติดกับกระดูกแล้ว สิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือ ปฏิกิริยาของวัสดุที่ใช้ต่อร่างกายโดยรวมในระยะยาว
สำหรับรากฟันเทียมไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุมาตรฐานที่ใช้กันมานานและประสบความสำเร็จในคนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในมุมมองทางชีวภาพ เราพบว่ามีประเด็นที่น่าพิจารณาเกี่ยวกับศักยภาพในการกระตุ้น “สารสื่อกลางของการอักเสบ” (Proinflammatory mediators) ครับ
สารสื่อกลางของการอักเสบ (Proinflammatory Mediators) คืออะไร?
สารสื่อกลางของการอักเสบ คือ โมเลกุลต่างๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการอักเสบและการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ไซโตไคน์ (Cytokines) บางชนิด (เช่น TNF-alpha, IL-1, IL-6), เคมโมไคน์ (Chemokines), พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) เป็นต้น สารเหล่านี้ทำหน้าที่ส่งสัญญาณให้เซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกันทำงาน เพื่อตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอม การบาดเจ็บ หรือการติดเชื้อ การอักเสบเป็นกลไกสำคัญในการปกป้องร่างกาย แต่การอักเสบเรื้อรังในระดับต่ำๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
รากฟันเทียมไทเทเนียมกับการกระตุ้นสารสื่อกลางของการอักเสบ
แม้ว่าไทเทเนียมจะถือเป็นวัสดุที่มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพค่อนข้างดีสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ในบริบทของทันตกรรมชีวภาพ เรามองว่าการมีอยู่ของโลหะในร่างกายอย่างถาวร อาจมีศักยภาพในการกระตุ้นการตอบสนองของร่างกายในบางระดับ โดยมีกลไกที่เป็นไปได้ดังนี้ครับ
- การตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอม (Foreign Body Reaction): แม้ไทเทเนียมจะมีความเฉื่อยค่อนข้างสูง แต่พื้นผิวของรากฟันเทียมยังคงเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับร่างกาย เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน เช่น แมคโครฟาจ (Macrophages) อาจมาตอบสนองต่อพื้นผิวของรากเทียมและปลดปล่อยสารสื่อกลางของการอักเสบออกมาในบริเวณรอบๆ รากเทียมได้ ซึ่งเป็นการอักเสบเรื้อรังในระดับต่ำๆ
- การปล่อยอนุภาคไทเทเนียม (Release of Titanium Particles): มีความเป็นไปได้ที่พื้นผิวของรากฟันเทียมไทเทเนียมอาจมีการสึกกร่อน หรือมีอนุภาคไทเทเนียมขนาดเล็กมากๆ หลุดออกมาจากกระบวนการผลิต หรือจากการบดเคี้ยว หรือแรงกดอื่นๆ ในช่องปาก อนุภาคเหล่านี้สามารถถูกจับกินโดยเซลล์ภูมิคุ้มกัน และกระตุ้นให้เซลล์เหล่านั้นปล่อยสารสื่อกลางของการอักเสบออกมาได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบบริเวณรอบรากเทียมและอาจส่งผลต่อการสลายของกระดูกรอบๆ ได้
- ปฏิกิริยาในผู้ป่วยที่มีความไว (Reactions in Sensitive Individuals): แม้จะไม่บ่อยนัก แต่มีผู้ป่วยบางรายอาจมีความไว หรือมีปฏิกิริยาแพ้ต่อไทเทเนียมหรือโลหะอื่นๆ ที่ผสมอยู่ในเกรดของไทเทเนียมที่ใช้ทำรากเทียม ซึ่งการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันนี้จะนำไปสู่การปลดปล่อยสารสื่อกลางของการอักเสบอย่างชัดเจน และอาจเป็นสาเหตุของความล้มเหลวของรากเทียมได้
- ผลกระทบต่อเนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue Interaction): การตอบสนองของเนื้อเยื่อเหงือกต่อพื้นผิวของรากเทียมก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน พื้นผิวโลหะอาจมีแนวโน้มในการสะสมคราบจุลินทรีย์ได้ง่ายกว่าพื้นผิวเซรามิก ซึ่งการสะสมของแบคทีเรียและคราบจุลินทรีย์เป็นสาเหตุหลักของการอักเสบของเหงือกและเนื้อเยื่อรอบรากเทียม (Peri-implant mucositis และ Peri-implantitis) การอักเสบนี้เองที่กระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยสารสื่อกลางของการอักเสบ และหากไม่ได้รับการจัดการ อาจนำไปสู่การทำลายกระดูกรอบรากเทียมและทำให้รากเทียมล้มเหลวในที่สุด

จากมุมมองของทันตแพทย์ชีวภาพ ความกังวลเหล่านี้เกี่ยวกับศักยภาพของรากฟันเทียมไทเทเนียมในการกระตุ้นสารสื่อกลางของการอักเสบ ทำให้เราพิจารณาทางเลือกอื่นที่ปราศจากโลหะ เช่น รากฟันเทียมเซรามิก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีความเฉื่อยทางเคมีสูงกว่า และมีแนวโน้มในการกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันและสารสื่อกลางของการอักเสบน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ไม่ได้หมายความว่ารากฟันเทียมไทเทเนียมไม่ดี หรือจะทำให้เกิดปัญหาในทุกคน แต่การตระหนักถึงศักยภาพในการกระตุ้นสารสื่อกลางของการอักเสบนี้เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง มีความไวต่อโลหะ หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการมีโลหะอยู่ในร่างกายตามแนวทางสุขภาพแบบองค์รวม การเลือกใช้วัสดุจึงควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลครับ
Source : www.arokago.com