การรื้อวัสดุอุดฟันอมัลกัมแบบปลอดภัยจากไอปรอท
วัสดุอุดฟันอมัลกัมเป็นโลหะผสม ได้แก่ เงิน ตะกั่ว ดีบุก สังกะสี พลาเลเดียม ซึ่งผสมเข้ากับปรอท (mercury) ทำให้เกิดวัสดุอุดที่นิ่ม ทันตแพทย์สามารถนำวัสดุอุดนี้ใส่ในโพรงฟัน และกดอัดจนเข้ารูป วัสดุอุดจะแข็งตัวภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยสามารถบดเคี้ยวฟันได้อย่างดี วัสดุอุดอมัลกัมนี้เป็นวัสดุอุดที่ราคาถูก ใช้งานง่ายมีความคงทนสูง อายุการใช้งานยาวนานจัดว่าจึงเป็นวัสดุที่ทันตแพทย์นิยมใช้บูรณะฟันอย่างมากในอดีต แต่ก็มีข้อเสียหลายอย่าง อาทิ
– สีที่ไม่เหมือนฟันตามธรรมชาติ
– การสูญเสียเนื้อฟันมากกว่าที่ควร (เนื่องจากการอุดด้วยอมัลกัมนั้นต้องใช้พื้นที่กว้าง กรอเนื้อฟันออกเยอะเพื่อรองรับวัสดุ)
– วัสดุอมัลกัมอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนสีของเนื้อฟันรอบๆวัสดุอุดให้เป็นสีเทา
– อาการแพ้สารปรอท เกิดขึ้นได้ประมาณ 1% ของผู้เข้ารับการอุดด้วยวัสดุอมัลกัม
– ความเสี่ยงที่จะได้รับโลหะหนัก (สารปรอท) จากวัสดุอมัลกัม
ทันตกรรมแบบองค์รวม (Holistic Dentistry) และเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging medicine) ให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพของร่างกายแบบองค์รวมอย่างเป็นระบบ ดูแลแนะนำถึงปริมาณและผลของโลหะหนักหลายชนิดว่ามีผลร้ายต่อร่างกายได้ และแนะนำว่าปรอทแม้ปริมาณน้อยก็ก่อให้เกิดปัญหาต่อร่างกายได้หลายประการ เช่น ภูมิแพ้ อาการทางระบบประสาทและสมอง ความจำสั้น ปวดหัว Alzheimer อ่อนเพลีย ทำให้กระวนกระวาย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมไปถึง โรค Multiple sclerosis หากเป็นไปได้จึงแนะนำว่าไม่ควรมีวัสดุอมัลกัมซึ่งมีปรอทเป็นส่วนประกอบอยู่ภายในช่องปาก แต่การรื้อวัสดุอมัลกัมก่อให้เกิดไอปรอทขึ้นได้มาก จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการที่เหมาะสมในการรื้อวัสดุอมัลกัมเพื่อลดอันตรายจะไอปรอทขณะรื้อ
คลินิกทันตกรรมแบบองค์รวมเมดโทเปียใช้เทคนิคแบบ SMART ในการรื้อวัสดุอุดฟันอมัลกัม เพื่อกำจัดวัสดุอมัลกัมและไอปรอทโดยรวดเร็วที่สุด โดยการใช้
– แผ่นยางกันน้ำลาย เพื่อไม่ให้เศษวัสดุอมัลกัมและไอปรอทสัมผัสกับเนื้อเยื่อในช่องปาก
– เครื่องดูดน้ำลายแรงสูง เพื่อกำจัดเศษวัสดุอมัลกัมและน้ำที่ใช้ในการกรอ
– มีการใช้เครื่องดูดไอปรอทแรงสูงขณะทำหัตถการ
– ให้ oxygen เพื่อลดการหายใจเอาอากาศที่ปนเปื้อนไอปรอทเข้าสู่ร่างกาย
– เทคนิคการกรอและอุปกรณ์ที่สามารถกรอรื้ออมัลกัมได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ หลังทำการรื้อวัสดุอุดฟันอมัลกัมแล้ว แนะนำให้ทำการล้างพิษปรอทร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยด้วยการทำคีเลชั่นบำบัดหรือการใช้อาหารเสริมต่างๆ เพื่อกำจัดปรอทในกระแสเลือด